“อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?” คำทักทายนี้ช่างสะเทือนตับไตไส้พุงหนุ่มสาวหลายคนยิ่งนัก อยากจะบอกว่า #ไม่น่ารักเลย ทักกันแบบนี้ อยากตะโกนกู่ร้องให้โลกรู้ว่า #อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ อ้วนไม่ใช่คำทักทายย่ะ พอกลับบ้านมาส่องกระจกเห็นแขนขาล่ำสัน พร้อมพุงกะทิน้อย ๆ เซลลูไลท์นิด ๆ ก็ชูสองนิ้วปฏิญาณตนกันทันทีว่า “ฉันจะออกกำลังกายฟิตหุ่น คอยดูนะพวกเธอ ฉันจะผอม” ถ้าลองนับก็ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไรกันแล้วที่พูดแบบนั้น สุดท้ายด้วยหน้าที่การงานเวลาที่จำกัด กลับบ้านมาอย่าว่าแต่จะออกกำลังกายแค่อาบน้ำยังขี้เกียจเลย กลายเป็น “พรุ่งนี้ค่อยลด” วนเวียนตลอด แล้วเมื่อไหร่ฉันจะผอมหุ่นดีมีซิกแพคกับเขาบ้างเนี่ย?
อย่าเพิ่งใจเสียไปค่ะ เราเข้าใจว่าด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนทำให้ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายได้อย่างใจคิด วันนี้เราเลยมีการเบิร์นแคลอรี่ที่ได้ผลดีไม่ต้องใช้เวลามาก แต่เป็นสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวันอยู่แล้วมาแนะนำ นั่นก็คือ “การเดิน” นั่นเอง
รู้หรือเปล่าคะการเดินเพียงวันละ 30 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 120-170 แคลอรี่เชียวนะ แต่ถ้าจะบอกลาแคลอรี่ไม่ใช่ว่าเราจะเดินเฉย ๆ นะ แต่ต้องเดินให้ถูกวิธีด้วยถึงจะได้ผล ไปดูการเดินที่ถูกวิธี บอกลาแคลอรี่กันแบบไม่ยุ่งยากกันเลย
เดินเร็ว
- การเดินช้า ๆ หรือเดินทอดน่องไม่สามารถช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากนัก การเดินที่ได้ผลคือ “ต้องเดินแล้วเหนื่อย” เพราะฉะนั้นเวลาเดินควรเดินเร็ว ๆ ก้าวเท้าถี่ ๆ จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่จากกล้ามเนื้อขา และสะโพกได้ นอกจากนี้การเดินเร็ว ๆ ยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือดให้ทำงานเพิ่มขึ้น เป็นการฝึกให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
แกว่งแขนไปมา
- บริเวณใต้รักแร้ของเรามีต่อมน้ำเหลืองอยู่ ดังนั้นการแกว่งแขนจะช่วยให้ต่อมน้ำเหลืองมีการไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย วิธีแกว่งแขนควรแกว่งไปหน้าหลังให้สุดแกว่งมาด้านหน้าให้ผ่อน โดยแกว่งสลับกับขาที่ก้าวออกไปข้างหน้า หากทำถูกวิธีจะช่วยทำให้ลดการสะสมของไขมันที่ใต้ผิวหนังและช่องท้อง แถมการแกว่งแขนไปมายังช่วยบริหารบริเวณหัวไหล่ ทำให้คุณคลายปวดไหล่ปวดบ่าจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ อีกด้วยนะคะ
เดินสลับวิ่ง
- บางคนที่สุขภาพแข็งแรงเดินอย่างเดียวอาจจะรู้สึกเหนื่อยไม่พอ การที่ไม่รู้สึกเหนื่อยก็แสดงว่าไม่ได้ผลนะคะ ดังนั้น เราอาจจะเกินสลับวิ่ง เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของหัวใจ เช่น เดิน 40 ก้าว วิ่ง 40 ก้าว แล้วค่อย ๆ ลดจำนวนการเดินเพิ่มจำนวนการวิ่งไปเรื่อย ๆ สำหรับข้อนี้แนะนำให้ทำตอนเย็นดีกว่าตอนเช้า ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเหม็นเหงื่อตัวเองไปทั้งวันแน่ ๆ
เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์
- เชื่อไหมว่า การขึ้นบันไดประมาณ 15 นาที จะมีการเผาผลาญพลังงานถึง 150 แคลอรี่ต่อครั้งเลยทีเดียว การขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิคช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขา น่องและก้นจะแข็งแรง (แถมกระชับด้วยนะ) รู้แบบนี้แล้ว ถ้าต้องขึ้นไปชั้นอื่นที่ไม่ไกลนัก ก็เปลี่ยนมาเดินขึ้นบันไดให้ติดเป็นนิสัยกันดีกว่าค่ะ ได้ทั้งเบิร์นไขมันได้ทั้งประหยัดพลังงานดีจะตาย
ค่อย ๆ หยุดเมื่อใกล้ถึงที่หมาย
- เนื่องจากเราเดินมาเร็ว ๆ จะให้มาหยุดปุ๊บปั๊บ อาจจะทำให้ระบบในร่างกายหยุดทำงานกะทันหันเกินไป กล้ามเนื้อก็อาจจะบาดเจ็บได้ ดังนั้น ก่อนหยุดเดิน ควรมีระยะผ่อนคลาย คือ ค่อย ๆ เดินช้าลงเมื่อใกล้ถึงที่หมาย หรืออาจะใช้การยืดเส้นยืดสายเบา ๆ เหมือนกับการคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆในร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวลดการทำงานลงสู่สภาวะปกติ การค่อย ๆ หยุดเดินมีความสำคัญมากโดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด
เห็นไหมคะ ไม่ยากเลยที่จะเผาเจ้าไขมันตัวดี แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว เพียงแต่เราต้องเพิ่มสเต็ปขยับให้ถูกวิธีนิดหนึ่งถึงจะได้ผล ซึ่งข้อที่ควรจำไว้ให้มั่นเลย คือ “ต้องเดินให้เหนื่อยถึงจะได้ผล” และต้องเดินเป็นประจำอย่าได้ขี้เกียจเป็นอันขาด ท่องไว้ค่ะ ฉันจะผอม ๆ ถ้าระยะทางใกล้ ๆ เราควรหันมาพึ่งบริการสองขาของเราแทนพี่วินมอเตอร์ไซค์ เดินไปชมวิวไปเพลินจะตาย ที่นี้ล่ะคำทักทายของคนอื่นเวลาเจอคุณจะต้องเปลี่ยนจาก “อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ?” เป็น “ผอมลงหรือเปล่า ไปทำอะไรมา?” ส่วนใครที่อยากรู้ทิปง่าย ๆ สร้างสุขภาพดี ๆ อ่านบทความนี้ แล้วโบกมือลาแคลอรี่ได้เลยจ้า